Tuesday, August 21, 2012

ตำรับรักฉบับลิลา Lilla's Feast


ตำรับรักฉบับบลิลลา หรือ เป็นผลงานเขียนของฟรานเชส ออสบอร์น แปลโดย นพมาศ แววหงส์ เป็นชีวประวัติของผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่เกิดในประเทศจีนเมื่อสมัยจักรวรรดินิยมในต้นศตวรรษที่ 20 เธอเป็นผู้หญิงเล็กๆ คนหนึ่งที่มีชีวิตที่น่าสนใจจากการต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด  ในวัยเด็กและสาวรุ่นที่อยู่ในเมืองจีน ในวัยสาวที่แต่งงานกับนายทหารอังกฤษที่ประจำอยู่ในอินเดีย และใช้ชีวิตลำบากลำบนพยายามรักษาชีวิตแต่งงานไว้ ในวัยสาวใหญ่ที่ตกเป็นม่ายเนื้อหอม และในวัยสูงอายุที่ถูกกักตัวอยู่ในค่ายกักกันของญี่ปุ่นในเมืองจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ชีวิตอันยืนยาวและพลิกผันมีขึ้นมีลงของเธอนั้น เธอเองมีส่วนกำหนดอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย กระนั้นหลายอย่างในชีวิตที่เธอไม่มีทางเลือก มีทั้งโชคและเคราะห์กรรมซ้ำกรรมซัด เธอเป็นนักสู้ที่น่ายกย่องคนหนึ่ง เป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติของแม่ศรีเรือน ชีวิตของเธอจึงเป็นชีวิตที่น่าศึกษาแก่คนอย่างเราๆ เป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลังให้เป็นสมบัติของชาติอังกฤษของเธอคือ ตำราอาหารเล่มหนึ่ง ความน่าสนใจของตำราอาหารเล่มนี้ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นคู่มือในการทำอาหารและดูแลบ้านเรือนเท่านั้น แต่อยู่ที่ว่าตำราเล่มนี้เขียนขึ้นระหว่างที่เธอใช้ชีวิตอย่างอดหยากหิวโหยอยู่ในค่ายกักกันระหว่างสงคราม การที่เธอยังมีกะจิตกะใจจะเขียนถึงการทำกับข้าวและการดูแลบ้านเรือนให้สวยงามสุขสบายนั้น แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของมนุษย์ที่แกร่งทรหดและความหวังที่ไม่เคยดับสิ้นที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงให้ชีวิตดำเนินอยู่ได้ แม้ในยามยากแค้นแสนลำเค็ญ

นอกจากเรื่องราวแสนสนุกอย่างน่าอัศจรรย์ใจในชีวิตที่ต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้แล้ว ตำรับรักฉบับลิลลา ยังให้กำลังใจแก่ผู้อ่านในการต่อสู้กับชีวิตต่อไป---ผู้แปล

Friday, July 20, 2012

สามสายใยในเงาอดีต The Bonesetter's Daughter

The Bonesetter's Daughter จากผลงานการประพันธ์ของนักเขียนคนโปรด เอมี่ ตัน แปลโดยจิรภรณ์ จันทวนิชกุล นวนิยายเล่มที่ 4 เอมี่ ตันได้แบ่งโครงเรื่องหลักๆ ออกเป็นสามภาค ภาคแรกเกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียยุคปัจจุบัน ซึ่งผู้อ่านจะได้รู้จักกับหญิงสาวสายเลือดจีน-อเมริกัน ชื่อรูธ ที่กำลังมีปัญหากับชายคนรัก ในขณะที่แม่กำลังเริ่มป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม ส่วนภาคที่สอง ตอนกลางของเรื่องเป็นอัตชีวประวัติของแม่เธอเองที่เขียนขึ้นมาไม่นาน ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองกำลังสมองเสื่อม แม่ของเธอต้องการบันทึกทุกอย่างที่สำคัญในชีวิตเพื่อให้รูธจดจำสืบทอดต่อไป โดยเฉพาะชีวิตที่เมืองจีน ส่วนภาคสุดท้าย กลับมาเป็นเรื่องราวของรูธที่กลับมาทบทวนชีวิตตัวเองอีกครั้งหนึ่งว่า อดีตของแม่ที่เธอรัีบรู้มานั้น จะช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตของเธอในปัจจุบันได้อย่างไรบ้าง ความแตกต่างทางความคิดระหว่างคนตะวันออกกับตะวันตกจะสร้างสีสันฉูดฉาดให้กับเรื่องราวค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะด้วยความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และรายละเอียดทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

Sunday, July 1, 2012

ชีวิตรื่นรมย์ กนกรัตน์วงศ์สกุล

คนข่าวอารมณ์ขันต้องยกให้กนก รัตน์วงศ์สกุล เอาเล่มนี้มาเขียนเพื่อไว้อาลัยกับการจากไปของรายการข่าวข้น คนข่าวทางช่อง 9 อสมท. ซึ่งตัวเองเป็นแฟนรายการนี้อยู่ เพราะคุณกนกและอีกสองท่านนำเสนอข่าวได้อย่างสนุกสนานมีชีวิตชีวา มีการตบมุกกันไปมา เรียกว่าขนาดนำเสนอดึกแค่ไหนก็ยังตามดูหลายคนเชื่อว่าการหลุดผังครั้งนี้มาจากการเมืองเปลี่ยนขั้วทำให้รายการนี้ต้องถูกเปลี่ยน ใครที่ติดตามคุณกนกจะเห็นว่าเขาแสดงจุดยืนอยู่ตรงข้ามผู้มีอำนาจอย่างไม่เกรงกลัวใคร จนเคยมีคนไร้วุฒิภาวะบุกไปเอาเรื่องถึงสถานีมาแล้ว ก็คงต้องให้กำลังใจกันต่อไป คนมีคุณภาพไม่นานหรอกเขาต้องกลับมา มาว่าถึงหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่คุณกนก เขียนเล่าเรื่องของตัวเองนับตั้งแต่เป็นนักศึกษาคณะวารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งมาเป็นนักอ่านข่าวที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในวงการสื่อสารมวลชน ดังที่คุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์ได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า ถ้าคุณชอบฟังคุณกนกคุยทางวิทยุหรือโทรทัศน์ อ่านหนังสือเล่มนี้จะมีรสชาติมากกว่าหลายเท่า และจะชื่นชอบคุณกนกมากขึ้นอีกด้วย คุณกนกเล่าชีวิตตั้งแต่เยาว์วัยได้น่าเอ็นดู รู้สึกได้ว่าเป็นชีวิตจริงที่ไม่ได้ปรุงแต่ง หรือที่คุณสุทธิชัย หยุ่น เขียนว่า อ่าน "ชีวิตรื่นรมย์" แล้ว คุณจะไม่ต้องถามตัวเองอีกว่า ทำไมอยากรู้จักผู้ชายน่ารัก น่าคบหาคนนี้นัก

Monday, June 18, 2012

ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน เล่ม 4

ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน ทุกเล่มเป็นหนังสือที่ทำให้การออกกำลังกายในฟิตเนตของตัวเองไม่น่าเบื่อ ปั่นจักรยานไปหยิบหนังสือชุดนี้มาอ่าน ได้สนุกกับความคิดที่โต้ตอบกันระหว่างวินทร์ เลียววาริณและปราบดา หยุ่น ผ่านทางอีเมล์ เนื่องจากเป็นตอนสั้นๆ สามารถหยุดอ่านไปหลายวันก็หยิบมาอ่านได้ เล่มนี้เป็นเล่มที่ 4 ที่อ่านจบ ก็ยังเหมือนเดิมคือเขียนถึงทุกเรื่องตังแต่การเมือง ข่าวลือข่าวหลอก เมืองนอกเมืองนา จนถึงเข้าป่าแค้มปิ้ง ชุดนี้มีถึงเล่ม 7 แล้ว คงต้องรีบตามอ่านก่อนที่เหตุการณ์บางเรื่องก็ตกยุคสมัยไปแล้ว

Thursday, June 14, 2012

101 วัน นรกในแบกแดด

ใครที่จำได้ โอสเนอ แซร์สตัด นักข่าวชาวนอร์เวย์ ที่ได้เข้าไปทำข่าวในเมืองคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ยุคตาลีบันครองเมือง จนได้หนังสือเล่มหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอคือ  ถนนหนังสือสายคาบูล (The Bookseller of Kabull) และอีกสองปีต่อมาเธอได้เดินทางไปยังกรุงแบกแดดเมืองหลวงของอิรัค โดยมีสัญญาว่าจ้างกับรายการโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์หลายแห่ง เพื่อรายงานสถานการณ์สงครามระหว่างอเมริกากับอิรัค โอสเนอได้รวบรวมข้อมูลจากการสังเกตการณ์และสัมภาษณ์ชาวอิรักตลอดระยะเวลา 101 วัน นับตั้งแต่สงครามเริ่มปะทุ สหรัฐอเมริกาส่งกองกำลังเข้าโจมตีกรุงแบกแดดทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน จนกระทั่งสงครามจบ ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพัง ซากศพ และความเจ็บปวดของประชาชนผู้บริสุทธิ์  จนได้เป็นหนังสือเล่มนี้ที่ชื่อ 101 วัน นรกในแบกแดด (A Hundred and One Days) แปลโดยโสภาพรรณ รัตนัย ซึ่งไม่เพียงฉายภาพความโหดร้ายของสงคราม แต่ยังสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชนชาวอิรักต่อชะตากรรมที่พวกเขาต้องก้มหน้ารับโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง  บันทึกของโอสเนอไม่ใช่เพียงเอกสารประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าเท่านั้น แต่เป็นเครื่องเตือนใจให้เราสำนึกถึงความโหดร้ายของสงคราม

Saturday, June 9, 2012

โลกียชน หรือ TORTILLA FLAT


โลกียชน หรือ Tortilla Flat เป็นนวนิยายเรื่องเยี่ยมอีกเล่มหนึ่งของจอห์น สไตน์เบ็ค นักเขียนชาวอเมริกัน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) แปลโดยนักแปลชั้นครูคือประมูล อุณหธูป ผู้เป็นทั้งนักเขียนและนักแปลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของไทย เมื่อนวนิยายเรื่องโลกียชน ออกสู่สายตานักอ่านชาวไทย ก็ได้รับการกล่าวขานและเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักอ่านอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแดนนี่ ตัวละครเอกในเรื่องและเพื่อนๆ ของเขา รวมทั้งตอลิญญ่าแฟลต ซึ่งเป็นสถานที่ที่แดนนี่และเพื่อนๆ อาศัยอยู่
ความยอดเยี่ยมของนวนิยายเรื่องนี้ เป็นหนึ่งในนวนิยายคลาสสิคยุคปัจจุบันของอเมริกา เป็นเสมือนเรื่อง “ดอนคิวโซด” สำหรับอีกกาลสมัยหนึ่ง บรรยายถึงสหายกลุ่มหนึ่งซึ่งทะนงในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนยากไร้ของเขาอย่างที่สุด ชีวิตของเขาผาสุกด้วยปรัชญาของเขาเอง แม้จะใช้ตะรางเป็นโรงแรมอยู่เนืองๆ และมักทำธรรมจริยาหายหกตกหล่นเสียบ่อย ๆ โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับไก่ เหล้า และเมียของเพื่อนกันก็ตาม แต่ยังไว้ลายอัศวินตามแบบของเขาอยู่นั่นเอง—อัศวินที่ปราศจากโต๊ะกลม มีแต่กระท่อมสับปะรังเคหลังเดียวเป็นชายคาคุ้มหัวในโลกนี้ และจัดว่าเป็นมนุษย์กลุ่มที่พยายามเข้าถึงแก่นของความเป็นปุถุชนอย่างที่สุด”
สำนวนแปลของประมูล อุณหธูป นั้นนับได้ว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับท่วงทำนองลีลาชีวิตของบรรดาตัวละครในนวนิยายเรื่องโลกียชน -Tortilla Flat นี้ จึงเป็นที่จับใจและฝังแน่นในความทรงจำของคนที่ได้อ่านเสมอมา

ประวัติย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน



เรื่องวุ่นวายในครอบครัวชาวยูเครนที่อพยพไปอยู่อังกฤษเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อบิดาชราวัย 84 แต่งงานใหม่กับแม่ม่ายสาวยูเครน อายุ 36 ผู้หนีความแร้นแค้นล้าหลังจากยูเครนที่เพิ่งแยกตัวจากโซเวียต และมาอังกฤษด้วยความหวังถึงเงินทองและความเจริญทางวัตถุในโลกตะวันตก แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะชายชราไม่มีเงินมากอย่างที่คาด เรื่องยุ่งเหยิงเพิ่มขึ้นเมื่อลูกสาวของชายชรา (นาเดซห์ดาและเวร่า) พบว่าแม่ม่ายสาววาเลนติน่าตั้งใจมาปอกลอกบิดาชราของตนและทำตัวสกปรกเละเทะ และใช้จ่ายแพงๆ ตลอดเวลา จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะเนรเทศวาเลนติน่าและฟ้องหย่า ระหว่างนั้น ชายชราผู้เคยเป็นวิศวกรก็เขียน ""ประวัติย่นย่อของแทรกเตอร์ฉบับยูเครน"" ขึ้น ระหว่างการฟ้องหย่ากำลังดำเนินไป วาเลนติน่าก็ท้องและคลอดบุตรสาว โดยไม่ปรากฏว่าใครเป็นพ่อ แต่ในที่สุดสามีเก่าของวาเลนติน่าก็มารับกลับบ้านโดยที่ก็ยังไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อ ส่วนชายชราก็ยอมย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา